วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ไหว้พระพ่อโต ทำบุญกับอาก๋ง ไต๋ฮงก๋ง พระผู้มีเมตตาดั่งสายน้ำไม่มีวันแห้งเหือด









วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม 2552 ได้เตรียมของไหว้อาก๋งตั้งนานแล้วพับกระดาษทองปึกหนึ่งถวายอาก๋งเพราะว่าใกล้เทศกาลทิ้งกระจาดที่มูลนิธีปอเต็กตึ๊ง และที่วัดเล่งเน่งยี่ หรือวัดมังกรกลมราวาส ได้จัดพิธีทิ้งกระจาดด้วยเช่นกัน เพราะมีความสำคัญมากสำหรับที่จะทำบุญในเทศกาลทิ้งกระจาดนี้ เหมือนว่าขุมนรกที่มีอยู่จะถูกเปิดออก และเหมาะสมที่จะทำบุญให้กับญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้วได้รับมหาบุญนี้ด้วย พูดง่าย ๆ คือที่ได้บุญให้กับคนตายไปแล้วได้รับ และได้ทำทานด้วยเพราะว่าจะมีการบริจาคสิ่งของให้กับคนยากจนที่ขาดแคลนด้วย ขุมนรกที่มีอยู่จะถูกเปิดออกและผู้ที่อยู่ในนรกไม่ว่าจะเป็นขุมไหนก็ตามก็จะได้รับบุญนี้ทุกขุมนรก และถ้าคุณไม่มั่นใจว่าญาติของคุณจะอยู่ในนรก หรือว่าสวรรค์ชั้นไหนก็ตามเขาก็จะได้รับส่วนบุญที่คุณได้ทำด้วย น่าทำมาก งานเทศกาลทิ้งกระจาดจะทำพิธีกันวันที่ 20 สิงหาคมนี้ ร่วมพิธีได้ที่มูลนิธีป่อเต็กตึ๊งที่พลับพลาไชย กรุงเทพฯ ดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซค์ของมูลนิธิpohtecktung.org โทรสอบถาม 02-225-0020ม 02-623-0545
แล้วอย่าลืมอธิษฐานส่วนบุญนี้ได้เหล่าเทพที่ปกปักคุ้มครองเรา ผู้มีพระคุณทุกท่านที่ดูแลเรา และเทวดาทั้ง 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดินให้รับรู้และอนุโมทนาบุญนี้ด้วย และให้กับเจ้ากรรมนายเวรเพื่อจะได้รับบุญน่ะค่ะ

วันนี้เช้าไปไหว้พระซาปอกงที่วัดกัลยานมิตร ได้ห่มผ้าองค์หลวงพ่อซำปอก๋ง ได้ออกจากวัดไปอีกหน่อยก็ถึงศาลเจ้าแม่กวนอิมเกียอันเก๋งอยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ได้อีกหนึ่งบรรยากาศ ศาลเจ้าแม่กวนอิมเก่าแก่มากมีการตั้งโดยชาวจีนที่ได้อพยพมาอยู่นานเกือบร้อยปีทีเดียว รูปเจ้าแม่เป็นปางสมาธิสวยงามมาก ถ้าคุณไปตอนเช้า ๆ จะได้บรรยากาศหนึ่งแต่ไปตอนเย็นหน่อยก็จะได้อีกบรรยากาศหนึ่งและอาจอยู่จนถึงพระอาทิตย์ลับไป แล้วไปต่อกันที่วัดมังกรฯ (วัดเล่งเน่งยี่) ซื้อของไปไหว้พระไหว้เจ้าในวัดมังกร จะไปที่วัดมังกรอ่านราบละเอียดได้ที่นี่ lengnoeiyi.com เลขที่ ๔๒๓ ถนนเจริญกรุง เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร 10100 โทรศัพท์ 02-2223975 ตอนนี้ที่วัดกำลังมีการบูรณะวัดอยู่ โดยที่พระเทพรัตนราชกุมารีจะได้เสด็จมาทำพิธีที่วัดนี้ ไหว้พระขอพรเทพเจ้าวัดมังกรเสร็จก็ออกไปหาอาหารกลางวันกิน ในตลาดเยาวราชบรรยากาศเหมือนกับไปเดินที่ฮ่องกงอย่างไงอย่างนั้น อาหารรสชาติใกล้เคียงกันแต่อาม้าบางคนพูดไทยชัดแจ๋ว แบบไม่ต้องแปลภาษาให้เมื่อย ฮ่า ฮ่า ชอบเหมือนกันของกินที่เยาวราชขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยรับรองว่าผู้ที่มาแสวงบุญแถบนี้ไม่อดแน่นอน หรือแทบจะเลือกไม่ถูกเลยว่าจะกินอาหารอะไร เพียบ.... เสร็จจากการกินอาหารติ่มซำที่ฮั่วเซ่งฮง เยาวราชแล้วก็เดินทางไปยังมูลนิธิปอเต็กตึ๊งไหว้อาก๋งด้วยของโปรดอาก๋ง ขนมกุ๋ยช่าย อันนี้คนเขียนก็โปรดกินทีไรโดนว่าทุกทีคนชอบกินมีน้อยเพราะเหตุมันมีกลิ่นฉุนมาก แต่มีประโยชน์น่ะใบกุ๋ยช่ายเนี่ย มันเข้าไปขัดลำไส้ให้สะอาด ไปทำบุญทิ้งกระจาดชุดเล็ก 120 บาท อธิษฐานให้ญาติฝ่ายปะป๋า ที่ล่วงลับไปแล้วให้ได้บุญอย่างน้อยก็ได้รับหมดทุกคนแล้วก็สบายใจ คิดว่างานเทกระจาดคราวหน้าจะทำให้ญาติฝ่ายแม่บ้าง ทำบุญกับอาก๋งรับรองได้ว่าญาติได้รับแน่นอน ในมูลนิธิอาก๋งมี พระพุทธเจ้า มีอาก๋งไต๋ฮงก๋ง มีพญายม มีเจ้าแม่กวนอิม และพระพรหม ไปทำบุญกับท่านถึงหมดทั้งสามภพ และอธิษฐานจิตดี ๆ จะมีสิ่งที่ดีเข้ามาสู่ชีวิตแน่นอน เพราะเจ้ากรรมนายเวรที่เราทำบุญให้สามารถรับบุญของเราแล้ว หากเราได้รู้ว่าความทุกข์ที่เรามีอยู่เป็นกรรมเก่าของเราและรับรู้สิ่งที่เราอาจกระทำโดยที่รู้และไม่รู่เท่าถึงการณ์ เมื่อเจ้ากรรมนายเวรได้รับบุญที่เราทำให้แล้วมีความเมตตาก็อาจจะส่งผลให้ชีวิตที่เป็นอยู่ดีขึ้นได้

วันพุธที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เนื่องในวันแม่แห่งชาติ 12 August 2009


เนื่องในวันแม่แห่งชาติ วันนี้เป็นวันแม่เนื่องจากคล้ายวันเกิดของพระราชินีนาถ คู่บารมีของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา วันนี้คิดถึงแม่เมื่อตอนที่แม่เสียใหม่ ๆ เพราะว่าไม่มีแม่แล้วก็คิดถึงอยู่ทุกวันไม่มีวันไหนที่ไม่คิดถึง และได้แม่อุมาเป็นแม่อีกองค์หนึ่ง ก็ระลึกอยู่เสมอและในวันแม่จะเอาพวงมาลัยไปที่วัดที่บรรจุกระดูกของมะม้า อยากบอกให้รู้ว่าคิดถึงเสมอ ตอนนี้ไม่รู้สึกว่าเหงามากแต่คิดว่าอีกไม่นานหากว่าตายไปแล้วคงจะได้พบกับมะม้า แล้วก็แม่อุมา แม่องค์อื่นอีก ก็เลยมีกำลังใจอย่างมากคิดอย่างเดียวว่าอย่าเผลอตกนรกก็แล้วกัน ถ้าลงนรกแม่ก็แม่ คงจะไม่ได้พบกันแน่ ตอนนี้ก็จะทำความดีให้มากมาย จะได้อาศัยแรงบุญนำให้ได้พบพวกแม่ ๆ ก็ดีใจ พยายามอยู่ เท่านี้แหล่ะที่ทำได้และหวังเป็นอย่างยิ่งยวดว่าท่าน ๆ ที่มีแม่ตัวเป็น ๆ ยังมีชีวิตอยู่อย่าให้เป็นแค่วันแม่แห่งชาติเท่านั้นที่คิดถึงแม่ ให้ทุกวินาทีที่มีอยู่มีความสุขกับแม่ท่าน ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้อย่างน้อยก็ได้ระลึกว่าเราทำอย่างดีที่สุดของเราแล้วที่จะทำให้แม่มีความสุขตอนที่แม่มีชีวิตอยู่ และผู้ที่มีความกตัญญูกตเวที ย่อมมีความสุขอย่างยิ่งยวดทีเดียวกันจะเป็นผู้มีความสุขความเจริญด้วย
ป.ล. รักพวกแม่ ๆ ที่สุดเลย ขอบคุณค่า

วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

มาทำบุญศาลเจ้าไต้ฮงกง มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งกันเถอะเป็นมหากุศลอันยิ่งใหญ่ที่สืบสานกันมานานนับร้อยปี





ศาลเจ้าไต้ฮงกง มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ศาลเจ้าไต้ฮงกง เป็นศาลเจ้าที่ประดิษฐรูปจำลอง ของหลวงปู่ไต้ฮง มหาเถระผู้มากด้วยเมตตา กรุณา ในสมัยราชวงศ์ซ้อง เมื่อเกือบพันปีล่วงมาแล้ว





พระมหาเถระไต้ฮงโจวซือ(ต้าเฟิง) นามเดิมว่า หลิงเอ้อ เกิดในสกุลหลิน ถือกำเนิดในราชวงศ์ซ้ง เมื่อปี พ.ศ. 1582 ตรงกับปีที่ 2 แห่งรัชสมัยเป่าหวน เป็นผู้ใฝ่ใจในการศึกษาจนสอบเข้าราชการได้ในระดับจิ้นสือ หากภายหลังออกบวชถือเพศบรรพชิต ต่อมาในปี พ.ศ. 1633 ตรงกับปีที่ 2 แป่งรัชสมัยเซวียนเหอ ได้ธุดงค์จาริกจากมณฑลฝูเจี้ยน มายังหมู่บ้านซีหนานเหอผิงหลี่ อำเภอเฉาหยาง มณฑลกวางตุ้ง โดยจำวัดอยู่ที่อารามหลิงเฉวียนซื่อ ที่หมู่บ้านซีหนานเหอผิงหลี่ แห่งนี้มีแม่น้ำใหญ่ไหลผ่าน (ปัจจุบันเรียก แม่น้ำเลี่ยงเจียง) กระแสน้ำเชี่ยวกราก เรือและผู้คนที่สัญจรล่องน้ำไปมามักประสบภัยสูญเสียชีวิตและทรัพย์ิสิน พระมหาเถระไต้ฮงโจวซือบังเกิดเมตตากรุณาจิต ตั้งปณิธานหมายสร้างสะพานทอดข้ามแม่น้ำนี้ เพื่อให้ชาวบ้านใช้ข้ามฝั่งสัญจรไปมาได้โดยสะดวก เป็นการงเคราะห์ช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความลำบากเืดือดร้อน จึงออกธุดงค์ไปตามหัวเมืองต่างๆ เพื่อเรี่ยไรบอกบุญจากศรัทธาสาธุชน ตราบจนปี พ.ศ. 1670 ตรงกับปีที่ 1 แห่งรัชสมัยเจี่ยเอี่ยง จึงเริ่มดำเนินการก่อสร้างสะพานเหอผิงจนแล้วเสร็จเป็นประโยชน์แ่ก่ชุมชน นอกจากนี้ ท่านยังเป็นผู้ริเริ่มประกอบกิจสาธารณกุศลด้านการเก็บศพไร้ญาติ โดยนำไปฝากฝังตามสุสานเพื่อมิให้เวทนาอาดูร ต่อมาภายหลังจากที่ท่านมรณภาพแล้ว ชาวบ้านต่างหวนรำลึกนึกถึงคุณูปการที่ท่านได้บำเพ็ญไว้เป็นอเนกประการ จึงพากันสร้าง ศาลปอเต็กตึ๊ง (เป๋าเต๋อถาง) ซึ่งมีความหายว่า "คุณธรรมานุสรณ์สถาน" แล้วดำเนินกุศลกิจสืบต่อปณิธานของท่านจวบมาจนถึงปัจจุบัน



หลวงปู่ไต้ฮงภิกขุ เป็นพระนักพัฒนา พระนักปฏิบัติ พระนักสังคมสงเคราะห์ จริยวัตรอันงดงามของท่านในสมัยนั้นล้วนเป็นแบบอย่าง เป็นรากเหง้าของงานสังคมสงเคราะห์ของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งในปัจจุบัน เช่น การเก็บศพไร้ญาติ ปลงศพ สงเคราะห์ยารักษาโรค ตัดถนนหนทาง สร้างสะพาน สงเคราะห์คนยากไร้อนาถาไร้ที่พึ่ง เป็นต้น คุณงามความดีของหลวงปู่ล้วนจารึกอยู่ในดวงจิตของชาวจีนมิรู้ลืม เมื่อท่านถึงแก่มรณภาพ บรรดาศิษยานุศิษย์ และ ผู้ที่เลื่อมใสศรัทธา พากันสร้างอนุสรณ์สถานขึ้น เพื่อเป็นการรำลึกและสานต่อเจตนารมณ์ของท่าน ให้ยืนยาวมาตราบเท่าทุกวันนี้



ศาลเจ้าไต้ฮงกง ในประเทศไทย ก่อสร้างขึ้นระหว่างปี พ.ศ. 2452-2461 สร้างตามแบบสถาบัตยกรรมจีนตอนใต้ และได้จัดตั้ง “คณะเก็บศพไต้ฮงกง” เพื่อทำการเก็บและจัดการงานศพผู้ยากไร้ และอนาถาในเขตกรุงเทพฯ ต่อมา “คณะเก็บศพไต้ฮงกง” เปลี่ยนชื่อเป็น “มูลนิธิฮั่วเคี้ยวป่อเต็กเชี่ยงตึ๊ง “ หรือ “ป่อเต็กตึ๊ง” โดยบริหารงานในรูปแบบคณะกรรมการ ได้จัดหาสถานที่ก่อสร้างที่ทำการ และศาลาหลวงปู่ในปีเดียวกัน ในเนื้อที่ 3 งาน 66 ตารางวา บนถนนพลับพลาไชย สามเพ็ง กรุงเทพฯ เลขที่ 326 ถนนเจ้าคำรพ เขตป้อมปราบฯ กรุงเทพฯ 10100 โดยการนำของคณะผู้มีจิตศรัทธา 12 ท่าน ต่อมาเมื่อศาลเจ้าไต้ฮงกงสร้างเสร็จบริบรูณ์ได้อัญเชิญรูปจำลองของหลวงปู่ที่นายเบ๊ยุ่น คหบดี นำมาจากประเทศจีน มาประดิษฐานไว้ที่ศาลเจ้าไต้ฮงกงเป็นการถาวร
ปี พ.ศ. 2495 ได้บรูณะปฏิสังขรณ์ศาลเจ้าที่ใช้งานมาหลายสิบปี การบูรณะครั้งนั้นมิได้มีการเปลี่ยนแปลงสภาพโครงสร้างด้านสถานปัตยกรรม แต่ได้มีการจัดรูปแบบสถานที่ให้เป็นระเบียบ สะอาด และงดงามเพื่อให้เหมาะสม กับวิวัฒนาการด้านงานสังคมสงเคราะห์ของมูลนิธิฯ ที่นับวันจะขยายขอบข่ายการบริการช่วยเหลือสังคมให้กว้างขวางออกไป ให้สมกับที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น พระราชทานเงินให้กับ “คณะเก็บศพไต้ฮงกง” ปีละ 2 พันบาท เพื่อให้ดำรงความเป็นคณะเก็บศพไร้ญาติไว้ได้มาแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน การบูรณะศาลเจ้ามาเสร็จสิ้นในปี พ.ศ. 2497 จัดให้มีงานฉลอง 7 วัน 7 คืน มีการทำบุญทิ้งกระจาด การเฉลิมฉลองสมโภชมีการผสมผสานวัฒนธรรมไทยและจีนเข้าด้วยกันได้เป็นอย่างดีต่อมาในปี 2498 ได้หล่อรูปจำลองหลวงปูไต้ฮงกงองค์ใหญ่ที่เห็นอยู่ในปัจจุบันเพื่อเป็นพระประธานแทนองค์จำลองรูปแกะสลักจากไม้ ที่นายเบ๊ยุ่นอัญเชิญมาจากประเทศจีนเนื่องจากมีอายุกว่าร้อยปี

ด้านในเป็นห้องรับบริจาคเงิน สำหรับท่านผู้มีจิตศรัทธา จะทำการบริจาคเพื่องานกุศลต่าง ๆ เช่น บริจาคโลงศพและชุดเซียงอีสำหรับศพไร้ญาติ หรือบริจาคเพื่อสงเคราะห์ผู้ยากไร้อนาถา บริจาคช่วยค่ายาค่ารักษาพยาบาล หรือเพื่องาน บรรเทาสาธารณภัยต่าง ๆ
ยันต์ศักดิ์สิทธิ์ หรือ “ฮู้”
หน้าช่องบริจาคเงิน จะมีช่องวางกระดาษสีแดงอยู่กระดาษสีแดงนั้นคือ “ฮู้” ยันต์ขององค์หลวงปู่ที่เล่ากันว่าศักดิ์สิทธิ์นักหนา เป็นทั้งยันต์ปกปักษ์รักษาบ้านช่อง สามารถป้องกันภยันอันตรายทั้งหลายมิให้กล้ำกรายมาใกล้ตัวได้
ส่วนใหญ่เมื่อเชิญ “ฮู้” ขององค์หลวงปู่ไปแล้วก็จะนำไปติดอยู่ที่หน้าประตูบ้าน ประตูห้องพัก ร้านค้า เพื่อเป็นสิริมงคลและเพื่อกันสิ่งไม่ดี บ้างก็นำติดตัว เป็นต้น
วิธีการไหว้สักการบูชา
การสักการบูชาองค์หลวงปู่ไต้ฮงกง ปักเทียนที่กระถาง 1 คู่ ธูปบูชา 20 ดอกในซองที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งจัดไว้บริการนั้นจัดไว้เท่ากับจำนวนที่ต้องใช้พอดี ปักที่ศาลฟ้าดิน 3 ดอก กระถางที่โต๊ะพระพรหม 5 กระถาง ๆ ละ 3 ดอก รวม 15 ดอก ที่ประตูใหญ่ ข้างละ 1 ดอก รวม 2 ดอก ส่วนธูปที่จุดบูชายี่กอฮงต้องหยิบเพิ่มจากบริเวณที่วงซองรูปต่างหาก 1 หรือ 3 ดอกก็ได้ ในช่วงตรุษจีนจะเหลือรูปในซองเพียง 18 ดอก ไม่ต้องปักธูปที่ประตู
ปัจจุบันศาลเจ้าไต้ฮงกงมีประชาชนทุกเพศทุกวัยเข้ามากราบไหว้สักการบูชาทุกวันไม่ขาดสาย ยิ่งเป็นช่วงวันพระจีนและช่วงเทศกาลต่าง ๆ จะมีประชาชนมากราบไหว้ขอพรจากองค์หลวงปู่ บ้างมาทำบุญ มาบริจาคเพื่อให้มูลนิธิดำเนินงานในด้านสังคมสงเคราะห์เป็นจำนวนมากบางครั้งถึงกับเบียดเสียดกัน ท่านเหล่านั้น นอกจากจะเป็นผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใสในหลวงปู่ที่มีถิ่นฐานในกรุงเทพฯ หรือจังหวัดต่าง ๆ ในประเทศไทยแล้วยังเป็ฯผู้ที่มีถิ่นฐานอยู่ในต่างประเทศแวะเวียนมาทำบุญอย่างสม่ำเสมอ ท่านเหล่านั้นนอกจากจะมาด้วยตนเองเป็นประจำทุกปีแล้ว ในบางโอกาสยังส่งทรัพย์มาบริจาคด้วยช่องทางต่าง ๆ เช่นโอนเงินผ่านธนาคาร นับว่าบารมีขององค์หลวงปู่ไต้ฮง แผ่ไพศาลไร้พรมแดนอย่างแท้จริง




เทศกาลงานบุญ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
1. เทศกาลตรุษจีน ประชาชนจะมาทำภบุญสวดพะเก่งเพื่อเป็นมงคลของชีวิต รับประทานสาคูสิริมงคล รับฮู้ (ยันต์) ป้องกันภัยอันตรายและรับขนมจันอับ
2. เทศกาลประเพณีทิ้งกระจาด คือการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ดวงวิญญาณร่วมไปกับการแจกทานให้ผู้ที่ยากไร้ จัดในเดือน 7 ของปฎิทินจีน
3. เป็นเทศกาลที่ผู้มีจิตกุศลร่วมทำบุญทำทานเพื่อให้จิตใจอ่อนโยน มีความกรุณาต่อสัตว์โลกทั้งหลาย โดยละเว้นการกินเนื้อสัตว์ และทำแต่สิ่งดีงาม ลดละอกุศลกรรมทั้งมวล จัดในเดือน 9 ของปฏิทินจีน




การทำบุญบริจารเพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้ และผู้ประสบภัยต่าง ๆ เปิดรับบริจาค ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.30 - 20.00 น. ณ ศาลเจ้าไต้ฮงกง มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย



โดยการบริจาคมีดังนี้
โลงศพใบละ 600 บาท / ผ้าดินผืนละ 50 บาท
โลงศพพร้อมผ้าดิบ 650 บาท / หลุมผังศพหลุมละ 5,000 บาท
ข้าวสารกระสอบละ 1,500 บาท / ข้าวสารถุงละ 70 บาท
หรือบริจาคแล้วแต่กำลังศรัทธา (ข้อมูล ณ 1ก.ย. 2551)




หมายเหตุ หากท่านมีความประสงค์บริจาคโลงศพ ผ้าดิบ ทางมูลนิธิฯขอความกรุณาบริจาคเป็นเงินสดแทน เนื่องจากโลงศพและผ้าดิบที่ได้รับบริจาคมีขนาดไม่ได้มาตรฐาน ทำให้ไม่สามารถนำไปใช้งานได้ จึงเรียนมาเพื่อจอความร่วมมือ และขอขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้
การอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมการนายเวรหรือผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว
ในปัจจุบัน มูลนิธิฯ ได้จัดให้มีการเขียนใบอุทิศส่วนกุศลหลังจากท่านผู้มีจิตศรัทธาได้บริจาคโลงศพแล้วโดยเปลี่ยนจากการติดที่โลงศพเป็นการนำไปเผา ณ เตาเผาสุสานมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จ.สมุทรสาคร เพื่อให้เทวดาฟ้าดินรับรู้โดยได้จัดกล่องรับใบอุทิศส่วนกุศลไว้บริเวณที่รับบริจาคเงิน
ขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคทรัพย์ เพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้ และผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือทั้งในรูปของ เงิน สิ่งของ อาหาร ฯลฯ ได้ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ไม่มีสาขาที่ใด รวมทั้งไม่มีการเดินเรี่ยไร ตามบ้านหรือสถานที่อื่น ๆ กรุณาอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้าง ยกเว้นมีการแจ้งให้เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งไปรับเท่านั้น ซึ่งท่านสามารถบริจาคได้หลายวิธี ดังนี้
1. บริจาคโดยตรงที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ถนนพลับพลาไชย (ได้กราบไหว้หลวงปู่ไต้ฮงเพื่อเป็นสิริมงคลอีกด้วย)
2. แจ้งความจำนงให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ไปรับได้ตามสถานที่ ที่ท่านสะดวก
3. โอนเงินเข้าบัญชี ออมทรัพย์ ชื่อบัญชี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้หลายธนาคาร เช่น ธ.กรุงไทย , ธ.กรุงเทพ , ธ.กรุงศรีอยุธยา , ธ.กสิกรไทย , ธ.ไทยพาณิชย์ , ธ.นครหลวงไทย , ธ.ทหารไทย , ธ.ผูโอบี หากผู้บริจาคต้องการใบเสร็จ กรุณาแฟ็กซ์ใบโอนเงินมาที่ 02 – 226-2567 พร้อมเขียน ชื่อ – สกุล หมายเลขโทรศัพท์และที่อยู่ของท่านให้ชัดเจน
4. บริจาคโดยเช็ค สั่งจ่ายในนาม มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และธนาณัติสั่งจ่าย ณ ปณ.ป้อมปราบฯ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ถ.เจ้าคำรพ แขวง/เขตป้อมปราบฯ กรุงเทพฯ 10100 โทร. 02 – 226-2567 หรือ ที่
www.pohtecktung.org

งานเทศกาลประจำปี 2552 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง



1. วันที่ 25 มค.-3กพ. 52 งานเทศกาล ช่วงเทศกาลตรุษจีน
2. วันที่ 9 กพ. 52 เทศกาลง่วนเซียว
3. วันที่ 25-28 กพ. 52 งานเจ้าแม่ลิ้มโกวเนี้ย
4. วันที่ 26 มีค. 52 งานเช้งเม้ง ที่สุสานสมุทรสาคร
5. วันที่ 1 เมย. 52 เช้งเม้ง ที่สุสานซอยดอนกุศล
6. วันที่ 1 – 6 พค. 52 งานฉลองวันบรรลุธรรมหลวงปู่ที่มูลนิธิ
7. วันที่ 20 สค. - 18 กย. 52 ช่วงเทศกาลทิ้งกระจาด
· วันที่ 20 สค. 52 เปิดประตูผี เทศกาลทิ้งกระจาด
· วันที่ 23 สค. 52 ทิ้งกระจาดที่สุสานสมุทรสาคร
8. วันที่ 3 กย. 52 เทศกาลสาร์ทจีน
· วันที่ 11 – 15 กย. 52 พิธีสงฆ์เทศกาลทิ้งกระจาด
· วันที่ 16 กย. 52 แจกของทิ้งกระจาด ที่มูลนิธิ
· วันที่ 18 กย. 52 ปิดประตูผีเทศกาลทิ้งกระจาด
9. วันที่ 17 – 27 ตค. 52 ช่วง เทศกาลกินเจ
· วันที่ 17 ตค. 52 พิธีรับเจ้า เทศกาลกินเจ
· วันที่ 23 ตค. 52 พิธีเบิกเนตรองค์ยมฑูต/ลอยกระทง
· วันที่ 24 ตค. 52 พิธีทิ้งกระจาด/แห่เวียนเทียน
· วันที่ 27 ตค. 52 พิธีส่งเจ้า เทศกาลกินเจ
10. วันที่ 12 - 16 ธค. 52 ฉลองวันเกิดหลวงปู่ ที่มูลนิธิ










    แผนที่ป่อเต็กตึ๊ง
    http://pohtecktung.org/index.php?option=com_content&task=view&id=42&Itemid=1


    วันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

    วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก Spirit of love feelings

    Spirit of love feelings


    มะม้าเป็นเหมือนทุกอย่างสำหรับฉัน เป็นแม่เป็นเพื่อนเป็นพี่ มะม๊าสอนให้พวกเรารู้จักตื่นแต่เช้าเพื่อตักบาตร มะม๊าชวนให้ลูกไปเที่ยววัด อย่างสำนักปู่สวรรค์ที่บางแค สอนให้นั่งสมาธิ และสวดมนต์ ซึ่งตอนนั้นก็จะมีการเอาหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด มะม๊าเป็นคนเจ้าเนื้อสักหน่อยเป็นคนที่มีอารมณ์ดีมีมนุษย์สัมพันธ์ดี เวลาไปไหนเยี่ยมใครก็มักจะมีของฝากติดไม้ติดมือไปอยู่เสมอ เป็นที่รักของเพื่อนบ้าน และบางอย่างก็เริ่มซึมซับเข้ามาในชีวิต เมื่ออายุ 7 ขวบ มะม้าเริ่มเป็นมะเร็งในมดลูก ซึ่งก็ไม่รู้สาเหตุที่เป็นเพิ่งจะมารู้เมื่อตอนโต มะม้าเริ่มหายไปจากบ้านและย้ายตัวเองไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬา ที่โรงพยาบาลจะมีส่วนที่อยู่สำหรับคนไข้ที่เป็นโรคมะเร็ง มะม้าเป็นมะเร็งในมดลูก หมอรักษาบอกให้ผ่าเอามดลูกออก มะม้าเป็นผู้หญิงผิวขาวค่อนข้างท้วมหมอให้มะม้าฉายแสง เอ็กซเรย์ ผลของการฉายแสงมะม้าผอมลง ผมเริ่มร่วง จำได้ว่าตอนไปโรงพยาบาลใหม่ ๆ มะม้าก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปเท่าไหร่ ตอนนั้นก็ยังเด็กมีหน้าที่ไปเรียนหนังสือ มะม้าสอนไว้ว่าไม่จำเป็นอย่าหยุดเรียน ก่อนนอนให้ไปเข้าห้องน้ำก่อน ตื่นแล้วให้รีบอาบน้ำไปโรงเรียนม้าก็เข้าออก บ้าน และ โรงพยาบาลเป็นว่าเล่น จนมีตอนหนึ่งที่มะม้ามาอยู่ที่บ้านมะม้ามองออกไปข้างนอกบ้านแล้วถอนหายใจบ่อยครั้งมาก บางครั้งมะม้าก็บอกว่าปะป๊าไม่รักมะม้า ตอนนั้นคิดว่ามะม้าคงจะน้อยใจปะป๊า มะม้าบอกว่าปะป๊ามีคนรักอยู่ก่อนแล้วก่อนจะแต่งงานกับมะม๊า เหมือนกับมะม๊าจะบอกให้รู้ ว่าปะป๊าไม่รักมะม๊า ไม่นานนักมะม๊าก็ต้องไปผ่าตัดอีกทีนี้มะม๊าต้อง เจาะรูข้างท้องเพื่อให้ขับถ่ายมีถุงพลาสติกไว้สำหรับถ่ายของมะม๊า ถือว่าเป็นทุกข์หนักของมะม๊าเลยทีเดียว เมื่อตอน 8 ขวบ เฮียกลับบ้านมาทั้งสองคนพวกเฮียมาบอกว่า หมอที่โรงพยาบาลให้ทำใจเพราะว่ามะม้าจะมีชีวิตอยู่ไม่นานแล้ว อาจจะไม่เกิน 8 เดือน ตอนนั้นพวกเราทุกคนร้องไห้ เพราะไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันคงจะไม่ใช่เรื่องที่ดีนักที่จะไม่มีมะม้าอยู่อีกต่อไป มะม้าเริ่มสวดมนต์เจ้าแม่กวนอิมที่บ้านเอาตู้ไม้มาแล้วมีคัมภีร์สวด พวกเราก็ยังคงเรียนหนังสือแต่ต้องเปลี่ยนที่เรียนไปเรียนโรงเรียนที่ใกล้บ้านกว่าเดิมเหตุเพราะไม่มีใครคอยรับส่งเหมือนแต่ก่อนนี้แล้ว ชีวิตที่มะม้าป่วยทุกอย่างในบ้านก็เริ่มเปลี่ยนไป เมื่ออายุ 10 ขวบ เหตุการณ์ผ่านไปมะม้าได้เข้าโรงพยาบาลอีกครั้งซึ่งคราวนี้หมอบอกว่าอาการรุกลามไปส่วนอื่นแล้ว มะม้าเริ่มอยู่โรงพยาบาลนานจากเดือนเปลี่ยนเป็นปี มีหน้าที่เรียนหนังสือก็เรียนให้ดี ๆ เท่านั้นที่มะม้าสอน เฮียคนโตก็มีหน้าที่ไปเผ้ามะม้าสลับกับปะป๊า แล้วมะม้าก็เข้าออก บ้าน – โรงพยาบาลเป็นว่าเล่น จนมีตอนหนึ่งที่มะม้ามาอยู่ที่บ้านมะม้ามองออกไปข้างนอกบ้านแล้วถอนหายใจบ่อยครั้งมาก บางครั้งมะม้าก็บอกว่าปะป๊าไม่รักมะม้า ตอนนั้นคิดว่ามะม้าคงจะน้อยใจปะป๊า มะม้าบอกว่าปะป๊ามีคนรักอยู่ก่อนแล้วก่อนจะแต่งงานกับมะม๊า เหมือนกับมะม๊าจะบอกให้รู้ ว่าปะป๊าไม่รักมะม๊า ไม่นานนักมะม๊าก็ต้องไปผ่าตัดอีกทีนี้มะม๊าต้อง เจาะรูข้างท้องเพื่อให้ขับถ่ายมีถุงพลาสติกไว้สำหรับถ่ายของมะม๊า ถือว่าเป็นทุกข์หนักของมะม๊าเลยทีเดียว เมื่อตอน 8 ขวบ เฮียกลับบ้านมาทั้งสองคนพวกเฮียมาบอกว่า หมอที่โรงพยาบาลให้ทำใจเพราะว่ามะม้าจะมีชีวิตอยู่ไม่นานแล้ว อาจจะไม่เกิน 8 เดือน ตอนนั้นพวกเราทุกคนร้องไห้ เพราะไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันคงจะไม่ใช่เรื่องที่ดีนักที่จะไม่มีมะม้าอยู่อีกต่อไป มะม้าเริ่มสวดมนต์เจ้าแม่กวนอิมที่บ้านเอาตู้ไม้มาแล้วมีคัมภีร์สวด พวกเราก็ยังคงเรียนหนังสือแต่ต้องเปลี่ยนที่เรียนไปเรียนโรงเรียนที่ใกล้บ้านกว่าเดิมเหตุเพราะไม่มีใครคอยรับส่งเหมือนแต่ก่อนนี้แล้ว ชีวิตที่มะม้าป่วยทุกอย่างในบ้านก็เริ่มเปลี่ยนไป เมื่ออายุ 10 ขวบ เหตุการณ์ผ่านไปมะม้าได้เข้าโรงพยาบาลอีกครั้งซึ่งคราวนี้หมอบอกว่าอาการรุกลามไปส่วนอื่นแล้ว มะม้าเริ่มอยู่โรงพยาบาลนานจากเดือนเปลี่ยนเป็นปี


    จากโรงพยาบางจุฬา เปลี่ยนเป็นหัวเฉียว และเป็นที่สุดท้ายสถาบันมะเร็งแห่งชาติ วันสุดท้ายที่มะม้าเสีย มะม้าเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากดูไม่เป็นเหมือนมะม้าที่รู้จัก มะม๊าผอมจนเหลือแต่กระดูกผมมะม๊าร่วงหมดไม่เหลือเค้าเดิมอยู่เลยแม่แต่นิดเดียว มะม้ารอเจอพวกเราเป็นครั้งสุดท้าย แล้วมะม้าก็สิ้นลมตอนกลางคืน เป็นวันที่มีส่วนเกี่ยวกับเจ้าแม่กวนอิมคิดว่าน่าจะเป็นวันที่ตรัสรู้ช่วงเดือนกรกฏาคม วันนั้นต้นไม้ใหญ่ในสถาบันมะเร็งโดนฟ้าผ่า มะม้าเสียชีวิตกับการต่อสู้กับโรงมะเร็งมาตลอด ตอนที่มะม๊าเริ่มไม่สู้ดีเฮียก็มาบอกอยู่เสมอ ฉันก็ร้องไห้ตลอดคิดว่าสักวันเราจะได้มาอยู่กันพร้อมหน้ากันอีก เมื่อมะม๊าเสียก็ร้องไห้ตลอดเวลา จนถึงวันที่สวดศพ กลับกลายเป็นว่าไม่มีน้ำตาให้ร้องแล้วมีแต่ความนิ่งเฉย พี่ชายคนรองบวชให้มะม๊า การทำพิธีศพจัดแบบคนไทย และสุดท้ายมะม๊าก็ไม่รู้เลยว่าอาผอเสียก่อนหน้านั้นไป 2 ปีแล้ว เพียงแต่ฉันไม่ได้ไปมีนบุรีเหมือนแต่ก่อนและฉันก็ไม่รู้เลยด้วย การจัดงาน 7 วัน วันที่สาม พวกญาติเขาคุยกันว่าวันที่สามมะม้าจะกลับมาที่บ้าน พวกเราก็ไม่รู้อะไรมาก ที่ไม่รู้มากที่สุดก็คงจะเป็นฉันนี่แหล่ะ บ้านที่อาศัยอยู่ร่วมกับญาติครอบครัวเราอยู่ชั้น 6 ครอบครัวลุงอยู่ชั้น 7 งานศพเลิก 2 ทุ่มกว่า พวกเราพี่น้องก็กลับบ้านก่อน ชั้นสองเป็นชั้นเก็บของกับห้องอาหารเพราะที่บ้านขายของก็จะทำกับข้าวให้คนงานกินกัน ชั้นสามเก็บสมุนไพรเป็นกระสอบ ชั้นสี่เก็บยาแผนปัจจุบัน ชั้นห้าทำยาแผนโบราณ พวกเราสี่พี่น้องเดินกันอย่างระโหยโรยแรงต้องเสริฟน้ำให้ญาติให้แขก หมดแรงกันตามๆ กัน พอเดินขึ้นชั้นสอง จะขึ้นไปขั้นสาม บ้านเราทำบันไดสองสเต็ป สเต็ปหนึ่ง 12 ขั้น มีที่เดินเล็กน้อยประมาณ 4 -5 ก้าว ก็จะขั้น สเต็ปสอง 11 ขั้น แล้วจึงจะเป็นอีก 1 ชั้น เรากำลังเดินหมดสเต็ปหนึ่งเดินเรียงกันสี่พี่น้อง เฮียคนโตเดินขึ้นสเต็ปสองเพื่อจะขึ้นไปชั้นสาม เฮียเดินไปจนถึงหน้าลิฟท์ส่งของไม่กี่ก้าวก็เรียก เฮ้ยเปี๊ยกพร้อมกับเอามือสะกิด พี่ชายคนที่สองก็สะกิดน้องอีกสอง พวกเรามองหน้ากันอย่างรู้สึกรู้สาว่ามีอะไรที่แปลกไปเพราะปรกติแล้วกลิ่นที่เราเคยได้จากกองสมุนไพรมันจะเป็นกลิ่นยา แต่กลิ่นที่พวกเราได้กลิ่นนี้มันเป็นอีกกลิ่นหนึ่งซึ่งพวกเราก็เข้าใจดี ว่าคุณก็รู้ว่าใคร มาหาพวกเราใส่วิญญาณของนักวิ่งที่วิ่งหมายจะเอาเหรียญทองของโอลิมปิก ซึ่งถ้าเป็นไปได้พวกเราคงจะได้เหรียญทองมาครอบครองเรียบร้อยแล้ว โกยเท้าจากชั้นสามไปชั้นหก วิ่งเข้าห้องอย่างไม่คิดชีวิตเข้าห้องนอนพร้อมกับเอาผ้าห่มมาคลุมพร้อมกับเปิดไฟอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลป ปะป๊ามาถึงบ้านเปิดประตูเข้ามาพวกเราได้ยินเสียงเท้าเดินพร้อมกับเปิดกุญแจไขห้องก็วิ่งเข้าห้องปะป๊า ปะป๊าบอกพวกมึงเป็นอะไร เฮียบอกปะป๊า มะม้ามา ปะป๊าบอกว่ามายังไง เฮียตอบว่าพวกเราได้กลิ่นของมะม้ากลิ่นที่ม๊ายังมีชีวิตอยู่ก็เลยวิ่งจากชั้นสองขึ้นมาเนี่ย ปะป๊าว่า นี้แม่มึงน่ะ เฮียก็เลยบ่นว่าก็ปะป๊ามาเจอเองสิ ปะป๊าก็บอกว่าไม่เห็นมีอะไร ไม่ได้กลิ่นอะไรทั้งนั้น จากนั้นพวกเราก็สยองพอสมควรก็เลยจุดธูปบอกมะม๊าว่าไม่ต้องเป็นห่วงพวกเราหรอกให้มะม๊าไปสู่สุขคติเถอะ ถ้ามาก็ไม่ต้องให้รู้เพราะว่ามันกลัวกัน จากนั้นมาก็ไม่มีอะไร ญาติผู้ใหญ่อีกสองคนไปเที่ยวรัสเซียยังไม่กลับ ตอนที่กลับมาเขาเล่าให้ฟังว่าคืนที่มะม้าเสียมะม้าไปลาที่โน่นไปเข้าฝันบอกว่ามาลาไปแล้วน่ะ ส่วนคนที่รู้จักกันก็เล่าให้ฟังตอนโต ว่าป้าแกอยู่ที่บ้านเก่าที่ครอบครัวเราเคยอยู่มาก่อน ทางจะขึ้นบนบ้านเป็นประตูไม้ แกได้ยินเสียคนเคาะประตูไม้ ที่บ้านแกก็กลัวเพราะว่าแกอยู่คนเดียวในบ้าน ป้าแกรู้จักมะม๊าเป็นอย่างดีแกกลังไหว้บอกว่าอาซ้อขอให้อาซ้อไปสู่สุขคติเถอะอย่ามาเคาะประตูเลยที่แกแน่ใจว่าเป็นมะม๊าเพราะแกก็ทราบข่าวว่ามะม๊าไม่ไหวแล้วอาการหนักมากคงจะไม่รอดคืนนี้ และที่แกมั่นใจมากยิ่งขึ้นเพราะว่าแกอยู่ชั้น 4 บ้านเป็นตึกชั้นล่างเป็นที่เก็บของจากชั้น 1 – 3 และชั้น 4 เป็นที่พักผ่อน และแกอยู่คนเดียวในบ้าน ก่อนจะขึ้นบ้านแกต้องล็อคบ้านตั้งแต่ชั้น 1 คนที่จะเข้าบ้านมาเคาะประตูได้ก็คงจะไม่มีทาง แล้วเสียงประตูที่ถูกทุบกระหน่ำนั่นคือเสียงจากอะไร ถ้าเป็นสมัยก่อนก็คงจะสยองเหมือนกันแต่พอโตแล้วเข้าใจเรื่องภพภูมิก็ทำให้เข้าใจอะไรได้มากขึ้น

    ครอบครัว ความรัก และความผูกพัน Love and family commitments.



    Love and family commitments. ครอบครัว ความรัก และความผูกพัน





    ครอบครัวเราเป็นครอบครัวใหญ่ ที่มีปัญหาตามประสาที่มีคนอยู่ร่วมกันมากเป็นธรรมดาดูเหมือนจะไม่ค่อยมีอะไรเพราะว่าเรายังเด็กอยู่ไม่ค่อยเข้าใจที่ผู้ใหญ่มีปัญหา มะม้าอาศัยอยู่ที่มีนบุรี ในสมัย พ.ศ.2517 มีนบุรีเหมือนบ้านนอกคอกนาประมาณนั้น หนังเรื่องขวัญเรียม การันตีได้เลย ขวัญมาหาเรียมโดยขี่ควายมาหากัน เล่นน้ำกันในคลองแสนแสบ มีครบในหนังเป็นไงตอนนั้นก็เป็นอย่างนั้น มีนี่ด้วยกังหันลมวิดน้ำเข้านา เท่มาก แต่คนกรุงเขาเรียกคนที่นี้ว่าคนบ้านนอกง่ะ ไม่รู้หรอกว่าบ้านนอกมันเป็นไงแต่รู้สึกสนุกเมื่อมาที่มีนบุรี มีของกินเยอะแยะมากมายมีญาติผู้ใหญ่ มีอากง อาผอ มีอาอี้เยอะเพราะแม่มีแต่พี่น้องหนักไปทางผู้หญิง 8 คน ผู้ชาย 1 คน พอมามีนบุรีวันอาทิตย์ก็กินข้าวเย็นเสร็จแล้วก็จะแวะเซ็นทรัลสีลม เพื่อซื้อไส้กรอก นม ขนมปัง และของใช้ในบ้าน ไปกินไปใช้ ปะป๋าจะรักการฟังเพลงมาก ปะป๋าจะเปิดรายการเพลงวิทยุ พอฟังข่าวจบก็จะมีเพลงปลุกใจให้ฟัง คุณปราจีน ทรงเผ่าจะเป็นนักร้องในดวงใจมาก ขอผันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อออออ ขอสู้ศึกทุกเมื่อออออ ไม่ไหวหวั่นนน เคยฟังหรือเปล่า ไม่ฟังเชยมาก พาหนะบ้านเราจะเป็นรถโฟลด์เต่าสีฟ้าอมเทา ระบบมือออโต้ มีเครื่องเล่นเทปด้วยน่ะ เกิดไม่ทันเข้าใจหรือเปล่าไม่รู้ มันเป็นเทปแบบกล่องสีเหลี่ยมมีเทปอยู่ด้านใน ปะป๋าทันเหตุการณ์สมัยนั้นมากไม่เอ๊าท์เลย ทุกวันปะป๋าจะฟังข่าว พอข่าวจบ มีเพลงปลุกใจต่อ หนักแผ่นดิน หนักแผ่นดิน คนเช่นนี้เป็นคนหนักแผ่นดิน แล้วพวกเราก็จะชี้ตัวกัน จบแล้วก็จะต่อด้วยการฟังเทป ถ้าเอาเพลงในสมัยนั้นมาฟัง เนื้อเพลงจะค่อนข้างคลาสิคมากเลยทีเดียว เพลงมีความหมายที่ลึกซึ้งมาก เพลงที่ปะป๋าเปิดจะเป็นเพลงที่มีชื่อในยุคนั้น ไม่ว่าจะเป็น คลิฟ ริดชารจ์ แอปป้า คาร์เพนเตอร์ แอลตัน จอหน์ เพลงอย่าง คร๊อคครอดารย์ ร๊อค วายเอ็มซีเอ ซึ่งพวกเราก็ได้มามากเรื่องการฟังเพลง

    เรื่องอาหารการกินนับว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต โชคดีที่มะม้าเป็นคนทำกับข้าวจัดได้ว่า ระดับเทพ อาหารทุกอย่างที่ทำไม่ว่าจะเป็นกับข้าวไทย จีน ขนมนมเนย ถือว่ามีผีมือเป็นเลิศ พวกเราจะได้กินกับข้าวที่อร่อยถูกปาก รสชาติดีมาตลอด ปะป๋าไม่เคยหวงเรื่องกิน แต่ปะป๋าสอนว่ากินให้อิ่มแต่อยากกินมากเกินไปสั่งของมากินได้แต่ต้องกินให้หมด พวกเราก็เป็นเด็กที่กินกันเก่งมากกก วันหนึ่ง ๆ เรากินข้าวกัน 4 มื้อ เพราะตอนกลางคืนจะมีอาอึ้ม ขายบะหมี่เกี๊ยวน้ำ ซึ่งบะหมี่เก๊ยวน้ำร้านนี้ ได้ใจมาก อร่อยขั้นเทพ ถ้าแกยังอยู่ในสมัยนี้ คิดว่าแกคงจะได้หลายอัน ไม่ว่าจะเป็น เชลล์ชวนชิม แม่ช้อยนางรำ หมึกแดง รับรองว่าได้ทุกรายการที่ว่าแน่นอน เป็นที่น่าเสียดายว่าไม่มีใครมาเป็นทายาทต่อจากแกก็เลยหมดสิ้น ร้านบะหมี่ไหนก็สู้แกไม่ได้ หมูแดงแกหมักมาอย่างดีใช่เวลาในการหมักข้ามคืน ใส่เครื่องอย่างไม่หวง น้ำซุปก็อร่อยเยี่ยม เกี๊ยวแกรสชาติดีกลมกล่อมทั้งหมูสับและกุ้ง รสชาติดีจำได้ไม่ลืม เป็นเดชะบุญที่เกิดในถิ่นเยาวราชที่มีแหล่งกินที่ขึ้นชื่อและอร่อยมาก ถ้าคิดจะไปหาแหล่งกินที่มีมากกว่าที่อื่น ต้องที่นี้เลยเยาวราช รสชาติดี อร่อย แต่ราคาแพงสมกับรสชาติ แฮะ แฮะ เรื่องกินไม่ต้องห่วงไม่เคยอดหยากมะม้ากับปะป๋า พาพวกเราออกไปนอกบ้านบ่อยมาก แทบจะทุกอาทิตย์ที่จำได้ ตั้งแต่จำความได้เคยถามมะม้าว่าฉันเคยโดนตีมั๊ยมะม้าบอกว่า 2 – 3 หน เท่านั้นเอง ตอนเด็กเป็นลูกคนเล็กเอาแต่ใจตัวเองมากมีอยู่คราวหนึ่งไม่ยอมอาบน้ำ มะม้าบอกว่าจะไปเที่ยวข้างนอกให้อาบน้ำแต่ไม่ยอมอาบตั้งแต่เช้า คิดว่าอย่างไงก็ไม่ยอมอาบท่าเดียวจนมะม้าพาพวกเฮียออกไปข้างนอก พอพวกเขาเดินลงไปข้างล่างก็เหมือนว่าโดนทิ้งอยู่คนเดียวแล้วจากที่ดื้อ ก็เริ่มออกฤทธิ์มะม้าไม่ยอมให้ไปด้วยและไม่สนใจ ก็เริ่มแหกปากร้องไห้ตรงช่องลิฟท์ส่งของร้องเสียจนมะม้าขึ้นมาโดนฟาดไปสองที ร้องไห้จนหยุดมะม้าก็พาไปอาบน้ำแล้วอุ้มลงไปข้างล่าง ทุกวันนี้คิดแล้วก็ขำตัวเองอะไรที่สำคัญ ๆ จะจำได้ บางอย่างก็ลืมไปหมดแล้ว พอโตขึ้นมาหน่อยก็เริ่มจะรู้จักฤทธิ์เดชของตัวเองตอนเด็ก ๆ ได้ ตัวร้ายเลยน่ะเรา



    วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

    Memorandum of life. บันทึกความหมายของชีวิต เพราะทุกชีวิตมีคุณค่า มีความหมาย บทเรียนของชีวิต ช่วยหล่อหลอมอีกหลายชีวิต


    Memorandum of life. บันทึกความหมายของชีวิต
    บันทึกส่วนบุคคล ที่ไม่เป็นส่วนบุคคล ร่วมกันสร้างสรรค์ชีวิตทุกรูปแบบ เศร้า สนุก เหงา รัก คิดถึง ผิดหวัง ร้องไห้ เสียใจ ดีใจ และอีกรูปแบบของชีวิตเพื่อเป็นบทเรียนให้กับอีกหลายชีวิต มาช่วยกันสรรค์สร้างโลกให้งดงาม ให้โลกมีคุณค่า เริ่มจากความรัก ความเข้าใจ เมตตา กรุณา หวังดี ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตาม

    นี่คืออีกการเดินทางของชีวิตหนึ่งในส่วนหนึ่งของโลกใบนี้This is another one of life's journey in this part of the world.







    This is another one of life's journey in this part of the world.
    นี่คืออีกการเดินทางของชีวิตหนึ่งในส่วนหนึ่งของโลกใบนี้

    การเดินทางของชีวิตฉัน ตั้งแต่เด็กที่จำความได้ นิด ๆ หน่อย ๆ ก็รู้ว่ามีพ่อ มีแม่ มีพี่ชาย 2 คน พี่สาว 1 ฉันเป็นคนเล็กในบ้าน เพราะว่ามีพี่ชายเป็นหัวหน้าก๊วน การเล่นก็เลยหนักไปแบบผู้ชายมากกว่า อายุห่าง กันได้ประมาณ 1 – 2 ปี จึงไม่เป็นที่แตกต่างกันมากนัก การเล่นก็เหมาะกับเวลา เพราะว่ามีทีวีขาวดำ ฉายหากเรื่องนั้นเป็นเรื่องอะไร พวกเราก็จะเป็นแบบนั้นเหมือนกัน วันนี้หนังฉายเรื่อง หน้ากากเสือ เราก็เล่นหน้ากากเสือ หากว่าจำได้ก็จะเป็นไอ้มดแดงต่อ วี-1 วี-2 วี-3 ก็ว่ากันไป เรื่องเคนโด้ ก็จะหนักไปทางฟัน ๆ แทง ๆ พี่น้องกันเองก็ไม่ว่ากันผลัดกันเป็นพระเอก ผู้ร้าย ตัวประกันไปตามเรื่องตามราว นึกออกมั๊ย พี่ชายคนโตจะเป็นไอ้มดแดง ส่วนพี่ชายคนรองจะเป็นปีศาจน้ำ ปีศาจหนอน ปีศาจฟองน้ำ เอาอุปกรณ์เสริมมาช่วย มีตัวประหลาดมาจับคนบริสุทธิ์ อันนี้ก็เป็นพี่สาวบ้าง ฉันบ้าง แล้วไอ้มดแดงก็โผล่ออกมาสู้กันไปก็สู้กันมา แล้วสัตว์ประหลาดก็ถูกดาบแทงตาย หรือไม่ก็บ่อยรังสีพิฆาต ทำนองนั้นก็เป็นอันว่าจบเรื่องแล้วก็เล่นเรื่องต่อไป ส่วนผู้ร้ายหรือสัตว์ประหลาดก็จะมีอุปกรณ์เสริมอาทิ ผ้าห่ม ผืนใหญ่สักผืน ห่มไว้เอาหน้าโผล่ออกมาเอาผ้าห่ม ๆ ตัวประกันไว้ต่อสู้กันไปมาก็ช่วยตัวประกันออกมาได้ สนุกดี พวกเราเล่นทุกอย่าง ที่จะพอมีอุปกรณ์ มีการซื้อหนังยางมาเป็นถุง ๆ พี่ชายคนโตสีแดง พี่ชายคนที่สองสีเขียว แล้วก็มาเป่าแข็งกันใครทับใครก่อนคนนั้นชนะโดนริบหนังยาง หนักหน่อยพอพี่ชายคนรองไม่ยอมเล่นด้วยภาระก็จะมาตกหนักที่น้องสาวเพราะว่าอยากเล่นแต่ไม่มีคนให้เล่นด้วยยอมแบ่งหนังยางให้แต่ว่าเวลาเล่นเสร็จต้องเก็บด้วย พี่สาวอีกคนก็ยอมไม่ว่าให้เอาคืนได้ แต่บางทีฉันก็ไม่ยอมยึดเหมือนกันเพราะจะเอาไปร้อยหนังยางเล่นโดดยางกัน ถ้าพี่ชายไม่ยอมก็ร้อง แล้วก็จะมีพระเอกตัวจริงมาช่วย บางทีก็เป็นปะป๋า หรือมะม้า จะหนักตรงมะม้ามากกว่าบางทีเห็นเล่นแล้วแย่งของกันก็จะให้เงินไปซื้อใหม่เพื่อตัดความรำคาญ ชีวิตฉันในวัยเด็กส่วนใหญ่จะอยู่ติดหนืดกับแม่มากกว่าใคร เหมือนจะเป็นลูกโปรดงั้นแหละ ตอนเด็กเวลากินข้าวมื้อเย็นเสร็จแล้วก็จะเล่นกันต่อตามประสาเด็ก หนักไปทางด้านเล่นมากกว่า เวลาวันเสาร์หากญาติพาพวกเจ้ กับเฮียมาก็หนักไปทางเล่นกับญาติเพราะว่าเราเป็นครอบครัวใหญ่ครอบครัวหนึ่ง พี่น้องของปะป๋ามีทั้งหมด 13 คน แยกย้ายกันไปมีครอบครัวพอปิดเทอมทุก ๆ คนก็จะมารวมกันเล่นแบบชุดใหญ่ บ้านโน่นมีพี่น้อง 4 คน บ้านนี้มีพี่น้อง 5 คน ก็มารวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ พวกเราจะเล่นกันในบ้านที่ขายยา ซึ่งมีที่เก็บของอยู่มาก พอเล่นทีไรเดี๋ยวยาน้ำแตก หรือไม่งั้นของตกเป็นอย่างนี้ประจำ เล่นกันบางทีก็หนักมือเลือดตกยางออกก็มี บางคนหนักหน่อยแขนหักก็มี เวลาเล่นกันทีไรไม่มีวันของไม่แตก หรือเสีย โดนด่าประจำแต่ก็ไม่เคยเข็ดเหมือนกัน ด่าหน่อยก็ออกไปเล่นนอกบ้าน พอเผลอหน่อยก็เข้ามาเล่นในบ้านใหม่ ซึ่งการันตีได้เลยว่าลูกหลานบ้านนี้ แปลงร่างเป็นลิงกันเก่งทุกคน รับรองเทพเจ้าเฮ้งเจียออกตรารับรองในความเป็นลิงได้ที่แน่นอน ผ่านฉลุย